วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

โครงการภูมิปัญญาท้องถิ่น(โปงลาง)



ตัวโครงงาน

 

1.             ชื่อโครงงาน                      ภูมิปัญญาท้องถิ่นเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสาน ( โปงลาง )

2.             ประเภทโครงงาน            พื้นบ้าน

3.             ชื่อผู้เสนอโครงง             นางสาวบุษรินทร์   มาประโพธิ์   นางสาวฐยาภรณ์   ดวงดารา  
                                                              ชั้น  มัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑  วิยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช                                                                                                                                              

4.             ครูที่ปรึกษา                        อาจารย์พรทิพย์  มหันตมรรค

5.              แนวคิด  ที่มา  และความสำคัญของการทำโครงงานเรื่องนี้

-                   แนวคิด  อยากให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักและให้สนใจเครื่องดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน (โปงลาง) ที่ปัจจุบันนี้ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย

-                   ที่มา  เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มของมีภูมิกำเนิดในภาคอีสาน เราจึงอยากนำเสนอเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานผ่านเทคโนโลยี   เพื่อสามารถให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาข้อมูลได้ง่ายขึ้น

-                   ความสำคัญ  เพื่อให้เห็นความสำคัญของดนตรีพื้นบ้านภาคอีสาน ( โปงลาง)

6.              วัตถุประสงค์

-        เพื่อให้รู้จักวิวัฒนาการของโปงลาง วิธีการเล่น วิธีการทำ เป็นต้น

-                   เพื่อให้รู้ถึงความสำคัญของโปงลาง

-                   ได้รู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับการทำงาน

-                   เพื่อให้เกิดความสามัคคีกันภายในหมู่คณะ

7.              ขอบเขตของโครงงาน

 

วัน/เดือน/ปี
สิ่งที่ปฏิบัติ
21 /ส.ค./55
-                   วางแผนโครงงาน
-                   ทำโครงร่าง
-                   แบ่งหน้าที่ปฏิบัติงาน

 23 /ส.ค./55
-                   ค้นคว้าหาข้อมูล

24/ส.ค./55
-                   ลงมือปฏิบัติ
-                   พิมพ์โครงงาน

25/ส.ค./55
-                   จัดทำเอกสาร

 

8.              ขั้นตอนและแผนการดำเนินงาน

8.1         คิดหัวข้อโครงงาน 

8.2         ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล

8.3         จัดทำโครงร่าง

8.4         ลงมือปฏิบัติ

8.5         นำเสนอ ครั้งที่ 1

8.6         นำเสนอ ครั้งที่ 2

8.7        ปรับปรุงโครงงาน

8.8        จัดทำเอกสาร

8.9       ประเมินโครงงาน

8.10                       เสนอผ่านเว็บบล็อก

 

9.              สถานที่ดำเนินการ

- วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช

10.       ผลคาดหวังที่ได้รับ

-ได้ทราบถึงความเป็นมาของโปงลาง  วิธีการทำและอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับโปงลาง

- ได้รู้วิธีการใช้เทคโนโลยีในการสร้าง Blogger

- เกิดความสามัคคีภายในหมู่คณะ

11.   เอกสารอ้างอิง

-                    หนังสือดนตรีและนาฎศิลป์  ของปะดิษฐ์  อินทรนิล  หน้า  ๔๒  สุวีริยาสาส์น จัดพิมพ์

-                   http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%AD%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%B2

-                   http://www.muaythaichaiyarat.com/home_th/index.php?option=com_content&view=article&id=54&Itemid=27

 

วิวัฒนาการของวงโปงลาง

แต่เดิมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ยังไม่มีการผสมวงกันแต่อย่างใดใช้เล่นเป็นเครื่องเดี่ยวตามความถนัดของนักดนตรีที่มีอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆ โอกาสที่จะมาร่วมเล่นด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีงานบุญหรืองานประเพณีต่างๆ เช่น บุญเผวด จะมีการแห่กันหลอนของแต่ละคุ้มหรือแต่ละหมู่บ้านมาที่วัดคุ้มไหนหรือหมู่บ้านไหนมีนักดนตรีอะไรก็จะใช้บรรเลงและแห่ต้นกันหลอนมาที่วัด พอมาถึงวัดก็จะมีการผสมผสานกันของแต่ละเครื่องมือ เช่น พิณ แคน ซอ กลองเป็นต้น หลังจากผสมผสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว ก็จะแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเชื่อมเข้าหากันโดยเฉพาะนักดนตรีจะไปมาหาสู่กันร่วมกันเล่น ร่วมกันสร้าง ในที่สุดก็กลายเป็นวงดนตรีและมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เช่น วงโปงลาง ปี พ.ศ.2505 หลังจากอาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี ซึ่งเป็นผู้ที่สนใจและศึกษาพัฒนา การตีและการทำเกราะลอจนเปลี่ยนชื่อมาเป็นโปงลางและได้รับความนิยมจากชาวบ้านโดยทั่วไป จากนั้นอาจารย์เปลื้องได้เกิดแนวความคิด ในการนำเอาเครื่องดนตรีอีสานชนิดอื่นๆ มาบรรเลงรวมกันกับโปงลาง จึงได้รวบรวมสมัครพรรพวกที่ชอบเล่นดนตรี มาบรรเลงรวมกัน ปรากฏว่าเป็นที่แตกตื่นของชาวบ้าน พอตกเย็นก็จะมีคนมามุงดูขอให้บรรเลงให้ฟัง แต่ละวันหมดยาเส้น ไปหลายหีบ ทำให้ได้รับความนิยม และเป็นที่สนใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนมีผู้ว่าจ้างไปบรรเลงเป็นครั้งแรกเนื่องในงานอุปสมบท ณ บ้านปอแดง ตำบลอุ่นเม่า อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในราคา 40 บาท เป็นที่ชื่นชอบของของผู้ที่พบเห็นและได้ฟังจากงานอุปสมบทของบ้านปอแดง และได้รับการติดต่อให้ไปแสดงอีกในหลายๆ ที่ ปี พ.ศ.2511 อาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี ได้นำคณะโปงลางไปร่วมแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพรรษา 5 ธันวามหาราช จึงมีโอกาสที่ทำให้ได้พบกับนายประชุม อิทรตุล ป่าไม้อำเภอยางตลาด ซึ่งนายประชุมได้นำวงดนตรีสากลมาร่วมบรรเลงประกอบลีลาศ มหรสพที่แสดงในคืนนั้นมีคณะหมอลำหมู่ ซึ่งหัวหน้าหมอลำเป็นเพื่อนอาจารย์เปลื้อง ทั้งสองจึงไปขอยืมกลองชุดสากล เพื่อนำไปเล่นเข้ากับหมอลำ นายประชุมจึงไม่ขัดข้องแต่ต้องให้วงลีลาศเลิกก่อน หมอลำก็ทำการแสดงไปก่อนได้ครึ่งคืนก็ต้องพักทานข้าวตอนดึกจึงทำให้เกิดช่องว่างของเวทีผู้คนก็ยังไม่กลับยังรอดูหมอลำต่อ อาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี จึงได้นำเอาโปงลางที่ตนนำมาขึ้นแขวนบนต้นเสาของเวที ในขณะนั้นหัวหน้าหมอลำก็ยังไม่รู้จัก และไม่เคยเห็น โปงลางมาก่อน ทุกคนก็เกิดความสงสัยว่าอาจารย์เปลื้องนำอะไรขึ้นมาแขวนกับต้นเสาบนเวที แต่พอคณะโปงลางบรรเลงขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึง และสงสัยว่าสิ่งที่กำลังตีอยู่ในขณะนั้นคืออะไร หลังจากหมอลำกินข้าวเสร็จผู้ชมก็ยังไม่ยอมให้เลิกเล่น ขอให้เล่นต่อแทนหมอลำไปเลยก็ได้ จากการแสดงในครั้งนั้นนี่เอง นายประชุม ได้ชวนอาจารย์เปลื้อง ไปอยู่ด้วยโดยฝากให้เข้าทำงานที่โรงเลื่อยยางตลาด นายประชุม อินทรตุล จึงได้สนับสนุนและตั้งวงโปงลางขึ้น ชื่อว่าวงโปงลางกาฬสินธุ์ โดยมอบหมายให้อาจารย์เปลื้อง เป็นหัวหน้าวง จากผลงานการแสดงที่หลังจากตั้งวงแล้วไม่นาน นายบุรี พรหมลักขโนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ติดต่อให้นำโปงลางไปแสดงออกรายการทีวีช่อง 5 จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นการเผยแพร่ และท่านได้แนะนำว่าน่าจะมีชุดฟ้อนรำไปด้วยจะน่าดูยิ่งขึ้น นายประชุม อิทรตุล จึงมอบหมายให้คุณเกียง บ้านสูงเนิน คุณลดาวัลย์ สิงห์เรือง (ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ในขณะนั้น) และภรรยาของนายประชุมเองฝึกชุดฟ้อน ชุดแรก คือ รำซวยมือ ชุดที่สอง คือ ชุดเซิ้งภูไท ชุดเซิ้งสวิง ชุดบายศรีสู่ขวัญ และไทภูเขา ต่อมาคณะโปงลางกาฬสินธุ์ได้มีโอกาสไปแสดง ณ วังสวนจิตลดา วังละโว้ วังสวนผักกาด วังสราญรมย์ และแสดงเผยแพร่ในมหาลัยต่างๆ

ผู้พัฒนา

นายเปลื้อง ฉายรัศมี ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีพื้นบ้าน) ประจำปี พ.ศ. 2529 ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ได้ทำการพัฒนาโปงลางจนมีลักษณะเช่นในปัจจุบัน โดยได้พัฒนาโปงลางขึ้นจากเกราะลอ ซึ่งใช้เคาะส่งสัญญาณในท้องนา

พระมหากรุณาธิคุณ

เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2533 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงโปงลางที่วิทยาลัยนาฏศิลปกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งสร้างความปลื้มปิติแก่พสกนิกรชาวกาฬสินธุ์เป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสเฝ้าชมบารมี ขณะที่ทรงโปงลางอันเป็นสัญลักษณ์ของชาวกาฬสินธุ์ 

ลายเดี่ย

 ลายกาเต้นก้อน (ครูเปลื้อง ฉายรัศมี เป็นผู้แต่ง)
  <!--[endif]-->ลายลายนกไซบินข้ามทุ่ง

วิธีทำ

โปงลาง นิยมทำจากไม้มะหาด หรือไม้หมากเหลื้อม เพราะเป็นไม้ที่มีความอยู่ตัวมากกว่าไม้อื่นๆ วิธีการทำเอาไม้ที่แห้งแล้ว มาถากเหลาให้ได้ขนาดลดหลั่นกันตามเสียง ที่ต้องการในระบบ 5 เสียง โปงลาง 1 ชุดจะมีจำนวนประมาณ 12 ลูก ใช้เชือกร้อยรวมกันเป็นผืน เวลาตีต้องนำปลายเชือกด้านหนึ่งไปผูกแขวนไว้กับเสาในลักษณะห้อยลงมา ส่วนปลายเชือกด้านล่างจะผูกไว้กับหลัก หรือเอวของผู้ตี วิธีการเทียบเสียง โปงลาง ทำโดยการเหลาไม้ให้ได้ขนาด และเสียงตามต้องการ ยิ่งเหลาให้ไม้เล็กลงเท่าใดเสียงก็จะยิ่งสูงขึ้น ในสมัยอดีตโปงลางนั้นมีด้วยกัน 5เสียง คือ โด เร มี ซอล ลา แต่ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาโดย นาย เปลื้อง ฉายรัศมีโปงลางที่ได้มาตรฐานจะต้องมี 6 เสียง 13 ลูก คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา (ต่อมามีเสียง ที ด้วย) ซึ่งแตกต่างจากระนาดซึ่งมีเจ็ดเสียง และมีการปรับแต่งเทียบเสียงด้วยการใช้ ตะกั่วผสมขี้ผึ้ง ถ่วงใต้ผืนระนาด เพื่อให้ได้ระดับเสียงตามที่ต้องการ

การตี

การบรรเลงหมากกลิ้งกล่อม หรือโปงลาง นิยมใช้ผู้บรรเลงสองคนต่อเครื่องดนตรีหนึ่งชิ้น แต่ละคนใช้ไม้ตี 2 อัน มี หมอเคาะกับหมอเสิฟ หมอเคาะ คือผู้ที่ตีทำนองของเพลงหรือลายนั้น ส่วนหมอเสิฟ คือผู้ที่ตีประสานจะตี 2 ลูก เช่น ตี ลา-มี หรือ ซอล-เร เป็นต้น การเรียกชื่อเพลงที่บรรเลงด้วยโปงลางมักจะเรียกตามลักษณะและลีลาของเพลงโดย การสังเกตจากสภาพของธรรมชาติที่อยู่รอบ ๆ ตัว เช่น เพลง "ลายนกไซบินข้ามทุ่ง" เพลง "ลายกาเต้นก้อน" เพลง "ลายแมงภู่ตอมดอกไม้" เป็นต้น


ตัวอย่างการเล่นโปงลาง





                                                                                  โดย นางสาวบุษรินทร์   มาประโพธิ์
                                                                                          นางสาวฐยาภรณ์   ดวงดารา
                                                                                              ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕/๑
                                                                                       วิทยาลัยนาฏศิลปนครศรีธรรมราช